บทความนี้ผมเขียนขึ้นเพื่อ อยากให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวประเทศญึ่ปุ่น ในแถบโอซาก้า และเกียวโต ที่อยากเดินทางไปเที่ยวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ผมเขียนจากการนำประสบการณ์ที่ผมได้เดินทางไปและพยายามเขียนในส่วนที่จำเป็นสำหรับการเดินทางและท่องเที่ยวครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่อาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะระยะเวลาที่ผมไปเพียงแค่ 4 วัน 3 คืน จุดหลักของผมคือไปเที่ยว Universal นะครับลองมาดูกัน
การเตรียมตัว
การเตรียมตัวก่อนที่จะไปสิ่งสำคัญหลักๆ
1. เป้าหมายที่ต้องการจะไปและช่วงเวลาที่จะไป
อันนี้สำคัญที่สุด เราควรกำหนดเป้าหมายที่จะไปเพื่อที่จะได้คำนวณวันทั้งหมดที่จะไป และผมแนะนำให้กำหนดจุดหมายในแต่ละวันแค่ 1 – 2 อย่างเท่านั่น
( ถ้าอยากจะไป Universal หรือสถานที่ดังๆ อยากแนะนำให้เป็นวันธรรมดาที่คนทั่วๆไปทำงาน ไม่หยุดกัน )
อย่ากำหนดหลายสถานที่มากเกินไปในแต่ละวันเหมือนที่ทัวต่างๆในเวปไซด์ เพราะจะทำให้ท่านไม่มีเวลาเพื่อเก็บความประทับใจในแต่ละสถานที่เลย และอาจทำให้หมดความสนุกไปเลยก็ได้ แต่ก็อยากให้ท่านหาข้อมูลสถานที่เที่ยวใกล้เคียงไว้ด้วยนะครับเผื่ออะไรผิดแผน หรือยังมีเวลาเหลือจะได้ไปเที่ยวเพิ่มได้
2. งบประมาณ
เมื่อเราได้จุดหมายที่เราอยากไปแล้วเราก็จะพอได้วันคร่าวๆที่เราอยากจะไป
2.1 ค่าเครื่องบิน ไปกลับ อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน บางคนอาจจองตั๋วถูกจากโปรโมชั่นต่างๆ
ขอควรระวังให้เราดูวันที่เครื่องออกนะครับ อย่าดูวันที่เช็คอิน เพราะเที่ยวบินไปญี่ปุ่นจะมีหลายเที่ยวที่คาบเกี่ยวกับวัน เช่นเช็คอิน 22:00 น แต่เครื่องออก 02:00 น. ของอีกวัน ถ้าเราดูวันที่ ที่เช็คอินอาจทำให้เราไปผิดวันได้ หรือเครื่องออกไปแล้วนั่นเอง มีหลายคนพลาดในเรื่องนี้
2.2 ค่าตั๋วต่างๆ ส่วนนี้สำคัญมากต้องวางแผนดีๆ เพราะในการเที่ยวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เราจะใช้ตั๋วต่างๆเป็นบัตรผ่าน ควรวางแผนและซื้อ Online ให้เรียบร้อย เพื่อลดเวลาที่จะสับสนในการสื่อสารและอาจทำให้เราซื้อผิดได้ ในการซื้อตั๋ว Online เวลาไปถึงญึ่ปุ่นแล้วเราจะได้นำใบเสร็จไปแลกตั๋วนั่นๆที่ญี่ปุ่นอีกที โดยตั่วแบ่งเป็น 2 ประเภท
– ตั๋วรถไฟ
ญี่ปุ่นมีรถไฟหลายแบบแหละหลายสายมาก แต่เราอย่าเพิ่งตกใจ เพราะถ้าเรากำหนดจุดหมายที่จะเที่ยวดีแล้ว เราสามารถ ซื้อตั๋วแบบเหมา จะเป็นรายวัน ราย 7 วันก็ได้ ลองคำนวนดูว่าแบบไหนเหมาะกับเรา ส่วนการเดินทางให้เรานึกถึงการนั่งรถไฟฟ้าบ้านเราต่อรถใต้ดิน ต่อแอร์พอร์ลิ้ง ก็ประมาณนั่น แถมเรามี Googlemap คอยช่วย แรกๆ อาจจะงง แต่ถ้าเป็นแล้วไปที่ไหนก็ง่ายครับ
– ตั๋วเที่ยวหรือบัตรเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆ
เช็คสถานที่เดียวที่เราจะไปทั้งหมดดีๆ บางทีจะมีบัตรพวก Osaka day pass หรือเมืองต่างๆ สามารถใช้บัตรนี้เข้าได้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม บางที่ต้องซื้อเพิ่ม ต้องเช็คและจองล่วงหน้ากันให้ดี
ในบางตั๋วสามารถใช้ได้ทั้งสองอย่างต้องเช็คกันให้ดีว่าซื้อแบบไหนคุ้มกว่าในแต่ละวัน หรือซื้อเหมา หลายๆวันก็มี
2.3 ค่ากิน
อันนี้หลายๆคนไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไร เพราะเพื่อนๆบางคน จ้องแต่จะไปกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกมื้อ ก็มี แต่สำหรับประสบการณ์ที่ผมไป อาหารคือสิ่งสำคัญและให้ความประทับใจไม่แพ้กับการเที่ยวเลย เพราะเวลาเราเดินทางไปแต่ละที่ ต้องเดินทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยต้องการจะนั่งพัก
การที่เราได้เข้าไปนั่งพักแล้วทานอาหารอร่อยในแต่ละที่ มันสุดแสนจะน่าประทับใจเพราะ แต่ละร้านการให้บริการของที่ ญี่ปุ่น เขาให้การบริการเป็นหลัก อาหารก็อร่อยแทบทุกอย่าง แม้แต่ราเมงที่ปกติผมกินในประเทศไทย ไม่เคยกินหมด มาที่นี้จานใหญ่กว่าเท่าหนึ่งก็ยังไม่เคยเหลือ มันอร่อยมากจริงๆ ถึงราคาจะสูงมากเมื่อเทียบกับการกินอาหารในประเทศไทย แต่มันคุ้มมากจริงๆสำหรับผม
ถ้าให้คำนวณคร่าวๆ อาหารเขาจะอยู่ที่จานละประมาณ 600 – 800 เยน ก็ประมาณ 200 บาท ต่อมื้อ ก็ค่อนข้างแพงแต่ผมอยากให้ลองกันเงินในส่วนนี้ ลองทานสักมื่อสองมื้อก็ได้คุณจะไม่ผิดหวังเลย
3. ที่พัก
ส่วนของที่พัก เราควรเลือกและจองตั้งแต่ในประเทศไทยให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องจ่ายเงินไปจ่ายที่เค้าเตอร์ตอนไปถึงก็ได้ ส่วนนี้ไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะจากที่ผมไป ตอนแรกผมกังวลมาก ผมจองโรงแรมห้องขนาด 13 ตรม. ในใจก็คิดว่าจะอยู่ยังไงหว่า 13 ตร.ม แต่พอไปถึงกลับมีทุกอย่างในห้องทั้ง ตู้เย็น โทรทัศน์ โต๊ะวางของ แม้กระทั้งอ่างอาบน้ำ ก็ยังมี เขาจัดสรรคได้อย่างน่าประหลาดใจ ทุกอย่างออกมาดีมาก
4. โทรศัพท์มือถือและซิม
ปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการเคลือข่ายมือถือ จะมีซิมที่สามารถใช้ Interner ที่ต่างประเทศได้ เราสามารถซื้อซิมจาก ผู้ให้บริการจากศูนย์ต่างๆได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปซื้อที่ต่างประเทศทำให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เหตุผลหลักที่มือถือต้องเล่น Internet ได้เพราะเราจำเป็นต้องใช้ Application นำทางตลอดเวลา โดยที่ผมใช้ Googlemap เป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก เพราะตัว Google map เมื่อใช้ที่ ญี่ปุ่นจะมีการบอกทุกอย่างอย่างระเอียดหลายเส้นทางให้เลือก ลงรถไฟสายอะไร ต่อรถไฟสายอะไร ให้ไปทางออกไหนสะดวกสุดๆ
4 ข้อที่กล่าวมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมมากทำให้การไปเที่ยวครั้งนี้แทบไม่มีอุปสรรค์อะไรเลย
และอีกอย่างคนญึ่ปุ่นเขาใจดีกับนักท่องเที่ยวมากกก แต่กับคนญี่ปุ่นเองเขาดูไม่ค่อยจะใส่ใจกันเท่าไร ผมได้ถามลองถามทางกับผู้หญิงสูงอายุหน่อยคนหนึ่ง ขนาดเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยและไม่ค่อยรู้ทาง เขาเดินจากไปเราก็คิดว่าไม่เป็นไรเดียวไปถามคนข้างหน้า สักพักมีผู้หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาทักเราบอกว่าเขาจะไปท่าเรือ ไปกับเราไหม คิดว่าผู้หญิงที่เราถามตอนแรกเขาเข้าไปถามคนในสถานีให้ว่าใครจะไปท่าเรือให้พาเราไปด้วย เหตุการณ์นี้มันช่างน่าประทับใจในความอยากช่วยเหลือของคนญี่ปุ่น
ข้างบนบอกไปอาจไม่เห็นภาพ ผมขอตัวอย่างการท่องเที่ยวที่ผมไปคราวๆ แล้วกันนะครับ การเที่ยวครั้งนี้ผมเน้นเที่ยว Universal ปราสาท Osaka และ วัด ส่วนที่พักผมพักที่เดียวกันทั้งหมด โรงแรม “Hearton Hotel” ใน ชินไซบาชิ (Shisaibashi) เพราะยังไงก็อยากพักที่พักใกล้ๆเดินทางไปสนามบินสะดวกในตอนกลับ และหาอะไรกินได้ง่ายในตอนกลางคืน
วันที่ 1
* ไปเช็คอินขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง 4 ทุ่ม
* เดินทางถึงสนามบินคันไซเวลา 8.40
* แลกบัตรโอซาก้า อเมซิ่ง 2 เดย์ พาส
* เดินทางเข้าเมืองด้วยบัตรรถไฟ Kainan Express Rapit 30 นาทีถึง
* เข้าเช็คอินโรงแรม Hearton Shinsaibashi
* ไป ปราสาทโอซาก้า + ล่องเรือรอบปราสาท
* ไปแวะย่านชินเซไก ขึ้นดูวิวหอคอย ทสึคาคุ
* กลับมาเที่ยวย่านชินไซบาชิ+ ดงโทโบริ (อยู่ใกล้ที่พัก) ถ่ายรูป ล่องเรือกับป้ายกูลิโกะ แล้วหากินตามใจชอบ
วันที่ 2
*ออกเดินทางตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อไป Universal Japan
* ขึ้นเรือข้ามฟากมาลง เท็มโปซาน ชมวิวสวยๆ ก่อนกลับ (ใช้บัตรโอซาก้า อเมซิ่ง 2 เดย์ พาส)
* หาของกินย่านชินไซบาชิตามใจชอบเหมือนเดิม
วันที่ 3
* เดินทางตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปเมืองเกียวโต
* ซื้อตั๋วรถไฟ 1 Day
* ไปวัด คิโยะมิซุ (Kiyomizu Dera) หรือวัดน้ำใส
* ไปศาลเจ้าเทพอินาริ (Fushimi Inari Shrine) หรือ ศาลเจ้าแดง
* กลับมาดูงานแสงสีที่ปราสาทโอซาก้า Sakuya Lumina ก่อนสองทุ่ม
วันที่ 4
กลับบ้าน ขึ้นรถไฟ Nankai Express ที่สถานีนัมบะ ต้องถึงสนามบิน 11 โมง
